วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ดาวหาง ,,*





แหล่งกำเนิดของดาวหาง

เชื่อกันว่าเป็นวัตถุที่เหลือจากการสร้างระบบสุริยะ เป็นคล้ายบริวารรอบนอกของระบบ ตามปกติจะมีดาวหางจำนวนหนึ่งโคจรเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์แล้วกลับคืนออกไปขอบนอกของระบบสุริยะ แต่มีบางดวงที่โคจรอยู่ภายในระบบสุริยะ

ส่วนประกอบของดาวหาง เมื่อดาวหางโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากๆ จะมีลมสุริยะ ทำให้ก๊าซแตกตัวเป็นไออนถูกผลักดันไปในทางตรงกันข้ามกับดวงอาทิตย์ หางของมันจะมีความยาวมากเมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์และจะชี้ออกจากดวงอาทิตย์เสมอ

ส่วนหัวของดาวหางจะเป็นก้อนน้ำแข็ง ก๊าซแข็งสกปรกและฝุ่นละออง

ส่วนหาง มี 2 ประเภท คือ หางฝุ่นมักมีสีเหลืองสั้นและมักจะโค้ง หางไอออนหรือหางพลาสมา มักมีสีน้ำเงินและเหยียดตรง ดาวหางบางดวงมีหางอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่บางดวงก็มีทั้ง 2 ประเภท
ดาวหางทุกดวงมีกลุ่มก๊าซไฮโดรเจนห่อหุ้มอยู่
การโคจรของดาวหางและการค้นพบ ส่วนมากโคจรเป็นรูปวงรี อาจตามเข็มหรือทวนเข็มนาฬิกาก็ได้ ปีหนึ่งๆ จะมีดาวหางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์แล้วสามารถมองเห็นได้ด้วยกล้องโทรทรรศน์ประมาณ 6-7 ดวง

การเรียกชื่อดาวหาง เรียกชื่อตามปีคริสตศักราชตามด้วยอักษรอังกฤษตัวเล็กตั้งชื่อตามผู้ต้นพบบางครั้งตั้งชื่อตามผู้ทำการคำนวณ


วันนั้นของเดือน !!


>> โมโหง่าย ขี้หงุดหงิด อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ

สาเหตุมาจากภาวะขาดน้ำตาลในเลือดซึ่งเกิดขึ้นในช่วงมีรอบเดือน วิธีแก้ไขที่ทำได้ง่ายๆ ก็คือลองกินอาหารมื้อเล็กลงแต่บ่อยครั้งขึ้น เติมพลังด้วยวิตามินบี 6 รวมทั้งหาเวลาออกกำลังกายเบาๆ อย่างเช่น การเดินหรือขี่จักรยาน เพื่อให้ระบบร่างกายหลั่งสารเอ็นโดรฟินช่วยให้อารมณ์เบิกบานขึ้นค่ะ

>> ซึมเศร้า เหงาหงอย ขี้แย สับสน และหลงลืม

สาเหตุมาจากช่วงนั้นของเดือน ร่างกายจะมีเกลือและไขมันมากกว่าปกติ ทำให้ฮอร์โมนเจ้าอารมณ์อย่างเอสโตรเจนมีระดับเพิ่มขึ้น สาวๆ สามารถแก้ไขปัญหานี้ด้วยการเลือกกินอาหารที่มีไขมันต่ำ และเพิ่มแร่ธาตุสังกะสีให้กับร่างกาย ซึ่งจะเป็นวิธีที่ช่วยลดอาการเศร้าหดหู่ได้ค่ะ

>> กังวลใจเรื่องความสะอาดและกลิ่นอับชื้น

ช่วงเวลาอันแสนอับชื้นนี้ย่อมสร้างความกังวลใจให้สาวๆ ได้อย่างแน่นอน แต่แก้ไขได้ง่ายมากๆ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นช่วยในการรักษาความสะอาดและกำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่สกัดมาจากสมุนไพรและมี pH balance ที่มีความอ่อนโยนต่อจุดซ่อนเร้นนี้ นอกจากจะไม่ทำให้เกิดอาการแพ้แล้ว ยังช่วยรักษาความสะอาดได้ดีอีกด้วย โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวควรผ่านการตรวจสอบและทดลองมาแล้วว่าปลอดภัยจริงค่ะ

>> น็อตหลวม หมดแรง เหนื่อยง่าย

สาเหตุมาจากความแปรปรวนของฮอร์โมนเพศ สาวๆ จะต้องงดอาหารหวานจัด และที่สำคัญควรออกกำลังกายวันละประมาณ 30 นาทีเพื่อปรับสมดุล พร้อมกับเลือกรับประทานวิตามินเอหรือน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส เพราะจะช่วยดูแลสภาพผิวให้ดีขึ้นได้ แต่ถ้าเพลียนักล่ะก็ ลองหาเวลางีบ ทำสมาธิ หรือเล่นโยคะก็ยังได้ค่ะ

>> ระบบย่อยทำงานเร็วผิดปกติ หิวตลอด

สาเหตุมาจากช่วงก่อนมีรอบเดือน สารเซโรโทนินในร่างกายจะลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความต้องการคาร์โบไฮเดรตมากกว่าปกติค่ะ ดังนั้นพี่เหมี่ยวแนะนำว่าอยากกินก็กินเลย... แต่ควรควบคุมปริมาณด้วยนะคะ เลือกกินผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อยๆ และหากิจกรรมอื่นๆ ทำเพื่อผ่อนคลาย

>> รู้สึกตัวบวม ท้องอืด และอาหารไม่ย่อย

เรียกได้ว่าเป็นอาการข้างเคียงของวันนั้นของเดือน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ สาวๆ ควรลดการบริโภคเกลือ ออกกำลังให้ได้สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละไม่ต่ำกว่า 20 นาที เลือกกินอาหารที่มีโปรตีนและไฟเบอร์สูง รวมทั้งวิตามินบี 6 และน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส หากมีอาการท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อยก็ควรงดกาแฟและแอลกอฮอล์ก่อนมีรอบเดือนไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์นะ


5 สิ่งที่วัยรุ่นชอบทำในห้องสมุด ??





>> ไปอ่านหนังสือ

ยามเช้าก่อนเข้าแถวก็ไปอ่านหนังสือพิมพ์ ช่วงเที่ยงหลังทานข้าวก็ไปหาหนังสือแนวสนใจ หรือแม้กระทั่งช่วงเย็นรอเพื่อนกลับบ้านก็แวะเข้าไปเล่นอินเตอร์เน็ตสักหน่อย วัยรุ่นที่เข้าห้องสมุดไปด้วยเหตุผลนี้ คุณคือหนอนหนังสือที่น่ารักนี่เอง..


>> หาข้อมูลทำรายงาน

อาจารย์สั่งรายงานมา 10 หน้า หากเขียงเองคงได้แค่ 2 หน้ากว่าๆ ดังนั้นอีก 8 หน้าที่เหลือ วัยรุ่นส่วนใหญ่วางใจห้องสมุด เพื่อที่จะเข้าไปศึกษา ค้นคว้า และทำความเข้าใจ จึงไม่แปลกใจที่เวลารายงานเข้า วัยรุ่นก็จะเข้าห้องสมุดด้วยเช่นกัน..


>> ไปลอกการบ้าน

ด้วยความที่ในช่วงเช้าห้องสมุดจะเงียบ และห่างไกลอาจารย์ท่านต่างๆ วัยรุ่นวันซนทั้งหลายที่เผลอลืมลอก เอ๊ย ! ลืมทำการบ้านมา จึงเลือกทำเลนี้ในการคัดลอก และถ่ายสำเนาการบ้านด้วยมือ เมื่อสำเนาเสร็จก็ไปเข้าแถวเคารพธงชาติต่อไป ^_^

>> ไปหลับพักผ่อน

หนึ่งในมุมที่จะเงียบ สงบ และหลบผู้คนได้ดีที่สุดในโรงเรียนนั้น คงจะหนีไม่พ้นห้องสมุด ที่มีชั้นหนังสือ และซอกมุมต่างให้เล่นซ่อนแอบ ประกอบกับอากาศเย็นๆ จากเครื่องปรับอากาศ และความเงียบจึงทำให้หลายคนได้เข้าเฝ้าพระอินทร์สมใจหวัง - -"

>> เหล่หนุ่มสาวที่แอบปลื้ม

ไม่ต้องแปลกใจที่เห็นเพื่อนบางคนเข้าไปในห้องสมุด แต่ไม่หยิบหนังสือมาอ่าน มาเพ่งดูเลยซักเล่ม ให้สันนิษฐานไว้เลยว่า เพื่อนคนนั้นเขากำลังจ้อง หรือเหล่ใครบางคนอยู่ เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ถึงขนาดมีคำติดปากที่ว่า “มนต์รักห้องสมุด”

ตำราหมอจีน


แนะนำเคล็ดลับไว้ 12 ข้อดังต่อไปนี้...

1. หวีผมบ่อยๆ: หวีผมเบาๆ บ่อยหน่อยช่วยให้ตาสว่าง และรากผมแข็งแรง (ใช้หวีซี่ห่างหน่อย แปรง เบาหน่อย เพื่อกันผมหลุด)

2. ถูใบหน้าบ่อยๆ: ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ให้สะอาดก่อน หลังจากนั้นใช้ฝ่ามือ 2 ข้างถู หน้าเบาๆ บ่อยหน่อยเพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดี ขึ้น ใบหน้าเปล่งปลั่ง

3. เคลื่อนไหวดวงตาบ่อยๆ: ให้มองไกล-มองใกล้ มองข้างนอก-ข้างใน มองบน-มองล่าง หลีกเลี่ยงการมอง หรือจ้อง อะไรนานๆ โดยเฉพาะคนที่ทำงานคอมพิวเตอร์ควรพักสายตาด้วยการมองไกลอย่างน้อยทุกชั่วโมง

4. กระตุ้นใบหูบ่อยๆ: การดึงหู ดีดหู บีบหู ถูใบหูเบาๆ บ่อยหน่อย ช่วยบำรุงตานเถียน(จุดฝังเข็ม) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เก็บพลังงานของร่างกาย (ใต้สะดือ) สัมพันธ์กับไต ซึ่งเปิดทวารที่หู ทำให้แรงดี ป้องกันเสียงดังในหู หูตึง และอาการเวียนหัว

5. ขบฟันบ่อยๆ: ขบฟันเบาๆ บ่อยหน่อย(ไม่ใช่ขบแรงดังกรอดๆ) ช่วยให้ฟันแข็งแรง และกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย

6. ใช้ลิ้นดุนเพดานปากบ่อยๆ: การใช้ปลายลิ้นกระตุ้นเพดานบนด้านหน้าเป็นการกระตุ้นจุดฝังเข็ม เพื่อเชื่อมพลัง ลมปราณตู๋และเยิ่น ซึ่งเป็นเส้นควบคุมแนวกลางลำตัวส่วนหลัง และส่วนหน้าร่างกาย ทำให้เกิดการกระตุ้นการหลั่งสารน้ำ และน้ำลาย

7. กลืนน้ำลายบ่อยๆ: การกลืนน้ำลายบ่อยๆ ช่วยกระตุ้นพลังบริเวณคอหอย และกระตุ้นการย่อยอาหาร

8. > หมั่นขับของเสีย: หมั่นขับของเสีย โดยเฉพาะดื่มน้ำให้พอ กินอาหารที่มีเส้นใย ออกกำลัง เพื่อ ป้องกันท้องผูก เมื่อปวดปัสสาวะหรืออุจจาระให้ถ่ายทันที อย่ารอโดยไม่จำเป็น การทิ้งของเสียไว้ในร่างกายนานเกินทำให้เกิดสารพิษ และการดูดซึมสารพิษ (กลับเข้าสู่ร่างกาย) มากขึ้น ทำให้ป่วยง่าย

9. ถูหรือนวดท้องบ่อยๆ: ให้นวดท้องตามเข็มนาฬิกาเบาๆ เพื่อช่วยให้การขับถ่ายของเสียดีขึ้น

10. ขมิบก้นบ่อยๆ: การขมิบก้นบ่อยๆ ช่วยป้องกันริดสีดวงทวาร และท้องผูก

11. เคลื่อนไหวทุกข้อ: การอยู่นิ่งๆ หรืออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป ทำให้เกิดโรคได้ง่าย ควรเคลื่อน ไหวข้อต่างๆ ให้ครบทุกข้อทุกวัน ฝึกฝนการใช้กล้ามเนื้อและข้อให้สมดุล เช่น การฝึกชี่กง ไท้เก้ก โยคะ ฯลฯ

12. ถูผิวหนังบ่อยๆ: ใช้ฝ่ามือถูตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย คล้ายกับการถูตัวเวลาอาบน้ำ มีส่วนช่วยให้ เลือดและพลังไหลเวียนดี เรียนเชิญท่านผู้อ่านลองนำไปปฏิบัติดู เพื่อสุขภาพ พลัง และลมปราณที่ดีไป นานๆ ครับ... ท่านอาจารย์นายแพทย์ภาสกิจ(วิทวัส) วัณนาวิบูล อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแพทย์ แผนจีนแนะนำเคล็ดลับการดูแลสุขภาพ ตามศาสตร์แพทย์แผนจีนว่า อาหาร 10 อย่างที่ไม่ควรกินมากเกิน นำแนวคิดศาสตร์แพทย์แผนจีนมาวิเคราะห์โดย ใช้หลักแพทย์แผนปัจจุบันประกอบ...



อาหารที่ไม่ควรกินมากเกิน หรือบ่อยเกินได้แก่...

1. ไข่เยี่ยวม้า: ไข่เยี่ยวม้ามีตะกั่วค่อนข้างสูง ตะกั่วทำให้การดูดซึมแคลเซียมน้อยลง กินบ่อยๆ จะเสี่ยงโรคกระดูกโปร่งบาง และอาจได้รับพิษตะกั่วเช่น สมองเสื่อม เป็นหมัน ฯลฯ

2. ปาท่องโก๋: กระบวนการทำปาท่องโก๋มีการใช้สารส้ม ซึ่งมีตะกั่วปนเปื้อน ตะกั่วทำให้ไตทำงาน หนักในการขับสารนี้ออกไป นอกจากนั้นยังทำให้คอแห้ง เจ็บคอง่าย โดยเฉพาะ คนที่เป็นโรคร้อนในได้ง่าย

3. เนื้อย่าง: กระบวนการรมไฟ ย่างไฟทำให้เกิดสารเบนโซไพรีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง

4. ผักดอง: ผักดอง และของหมักเกลือทำให้ร่างกายได้รับเกลือโซเดียมสูง ถ้ากินบ่อยเกิน หรือ มากเกินจะทำให้หัวใจทำงานหนัก เกิดความดันเลือดสูงและโรคหัวใจได้ง่าย นอกจากนั้นกระบวนการหมักดองยังทำให้เกิดสารแอมโมเนียมไนไตรด์ ซึ่งเป็นสาร ก่อมะเร็ง

5. ตับหมู: ตับหมูมีโคเลสเตอรอลสูง การกินตับหมูบ่อยเกิน หรือมากเกินทำให้เสี่ยงต่อโรค หัวใจ เส้นเลือดสมอง (อัมพฤกษ์-อัมพาต) และโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น

6. ผักขม ปวยเล้ง: ผักขมและปวยเล้งมีสารอาหารสูง ทว่า... มีกรดออกซาเลตมาก ทำให้เกิดการขับสังกะสี และแคลเซียมออกจากร่างกายมาก การกินบ่อยเกิน หรือมากเกินอาจทำให้เกิดภาวะขาด แคลเซียม หรือสังกะสีได้

7. บะหมี่สำเร็จรูป: บะหมี่สำเร็จรูปมีสารกัดบูด สารแต่งรสค่อนข้างสูง และมีคุณค่าทางอาหารต่ำ การ กินบะหมี่สำเร็จรูปมากเกิน หรือบ่อยเกินอาจทำให้เสี่ยงต่อโรคขาดอาหาร และการ สะสมสารพิษได้

8. เมล็ดทานตะวัน: เมล็ดทานตะวันมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ทว่า... การกินมากเกิน หรือบ่อยเกินอาจทำ ให้กระบวนการเคมี (metabolism) ในร่างกายผิดปกติ ทำให้เกิดการสะสมไขมันในตับ ภาวะไขมันในตับสูงอาจทำให้เสี่ยงต่อโรคตับ เช่น ตับแข็ง ฯลฯ เพิ่มขึ้น

9. เต้าหู้หมัก เต้าหู้ยี้: กระบวนการหมักเต้าหู้อาจมีการปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่าย... ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อ คนสูงอายุ หรือเด็กเล็กได้ นอกจากนี้กระบวนการผลิตยังทำให้เกิดไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย

10. ผงชูรส: คนเราไม่ควรกินผงชูรสเกินวันละ 6 กรัม หรือประมาณ 1 ช้อนชา... การกินผงชูรสมาก เกิน หรือบ่อยเกินทำให้เกิดภาวะกรดกลูตามิกในเลือดสูงอาจทำให้ปวดหัว ใจสั่น คลื่นไส้ และมีผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์
วันนี้ในอดีต !!

3 ส.ค.

Edison กับ X-Rays ในปี 1903 มีข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ New York World ในเรื่อง Thomas Edison's เกี่ยวกับการบาดเจ็บจาก X-Ray ภายใต้หัวข้อข่าวว่าเอดิสันมีความกลัวอันตรายที่มองไม่เห็นของรังสีเอ๊กซ์ "Edison Fears Hidden Perils of the X-rays" และได้ลงรายละเอียดประวัติการบาดเจ็บของพนักงานของเอดิสัน โดย Clarence Dally ซึ่งถูกตัดมือและแขนเนื่องจากจากมะเร็งที่เกิดจากการได้รับรังสีเอ๊กซ์ ตัวเอดิสันเองก็เคยได้รับบาดเจ็บที่ดวงตา 2 ปีก่อนนั้น จากการมองที่เครื่อง X-ray fluoroscope ของเขา ทำให้มีปัญหาในการโฟกัสภาพของดวงตาข้างซ้าย และทำให้เขาต้องทำการวิจัยเกี่ยวกับรังสีเอ๊กซ์เพิ่มขึ้นอีกมาก เอดิสันได้กล่าวไว้ใน "Wizard of Menlo Park" ว่าเขามีความกลัวเรเดียมและโปโลเนียมเช่นกัน จึงไม่ต้องการเป็นสัตว์ทดลองกับสิ่งเหล่านี้

Edison กับการเรืองแสงของเรเดียม
ในปี 1903 หนังสือพิมพ์ New York World ได้ตีพิมพ์บทความแสดงความเห็นของ Thomas Edison's เกี่ยวกับเรเดียม โดยกล่าวว่าเขาได้รับเรเดียมจำนวนหลายชิ้น ของมาดามคูรี จากฝรั่งเศส ได้เคยทำการทดลอง แต่ยังไม่เห็นทางที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ แต่คิดว่าจะเป็นสิ่งที่เปิดโลกการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างมาก ทำให้สามารถพลิกทฤษฎีเกี่ยวกับแรงและพลังงาน นอกจากนั้นเอดิสันได้กล่าวว่า เขามีทฤษฎีแปลกๆเกี่ยวกับเรเดียม และเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง โดยเขาเชื่อว่าในจักรวาลมีรังสีประหลาดบางอย่างกระจายอยู่ทั่วไป พลังงานเหล่านี้ไม่มีโครงสร้างของตัวเอง แต่มีบางอย่างอยู่ในบรรยากาศ ที่นักวิทยาศาสตร์ยังค้นไม่พบ ที่ทำให้ยึดอะตอมอยู่

5. ส.ค.

สนธิสัญญาจำกัดการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ (Limited Test Ban Treaty) ในปี 1963 อังกฤษ อเมริกา และรัสเซีย ได้ลงนามในสนธิสัญญาจำกัดการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ ที่กรุงมอสโคว์ เพื่อห้ามการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ หรือระเบิดนิวเคลียร์ชนิดอื่นในบรรยากาศ ในอวกาศ และใต้น้ำ ส่วนการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดิน จะต้องไม่ทำให้กัมมันตภาพรังสีแพร่ออกไปนอกพื้นที่จำกัด ในประเทศของตนเอง โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะหยุดการทำให้เกิดการปนเปื้อน สารกัมมันตรังสีต่อสิ่งแวดล้อม การลงนามในสนธิสัญญาฉบับนี้ เป็นผลจากการเจรจามากกว่า 8 ปี ในการที่จะแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับแนวคิด ในเรื่องของความปลอดภัยและการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ และก่อนที่สัญญาฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ ในวันที่ 10 ตุลาคม 1963 ได้มีประเทศเข้าร่วมลงนามทั้งหมด 108 ประเทศ

ระเบิดปรมาณู (Atomic Bomb)
เมื่อปี 1945 ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดปรมาณูลงที่ เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น

8. ส.ค.

การประชุมเรื่องพลังงานปรมาณู (Atomic energy conference) เมื่อ ปี 1955 ได้มีการประชุม เพื่อปรึกษากันถึงเรื่องการใช้พลังงานปรมาณูในทางสันติ ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

9 ส.ค.

การทิ้งระเบิดปรมาณู (Atomic bomb dropped) เมื่อปี 1945 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดปรมาณูลงที่ เมืองนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น

12 ส.ค.
ระเบิดไฮโดรเจนของโซเวียต Soviet H-bomb เมื่อปี 1953 สหภาพโซเวียตได้จุดระเบิดไฮโดรเจนลูกแรก ที่ Kazakhstan ภายหลังจากที่ประธานาธิบดี แฮรี ทรูแมน ประกาศว่าสหรัฐอเมริกาได้พัฒนาระเบิดไฮโดรเจน เมื่อวันที่ 7 มกราคม 1953 ได้ไม่ถึงปี สหภาพโซเวียต ได้ตีพิมพ์ข่าวเรื่องระเบิดไฮโดรเจนลูกแรกลงในหนังสือพิมพ์ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 1953 ซึ่งมีแรงระเบิดเทียบเท่ากับ ระเบิด TNT 400 กิโลตัน มากกว่าระเบิดปรมาณูที่ทิ้งลงที่ฮิโรชิมา 30 เท่า ระเบิดไฮโดรเจนของสหภาพโซเวียตออกแบบโดยใช้ "Layer Cake" ขนาดเล็กพอดีกับเครื่องบิน เพื่อให้สามารถขนส่งได้สะดวก ทำให้มีขีดจำกัดของปริมาณเชื้อเพลิงเทอร์โมนิวเคลียร์และแรงระเบิด ซึ่งแตกต่างจาก ระเบิดเทอร์โมนิวเคลียร์ของสหรัฐ ชื่อ Mike ที่ทำการทดลองเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 1952 ที่ออกแบบให้มีระเบิดได้สูง

13 ส.ค.

ไอออนของฮีเลียมจากเรเดียม (Helium ions from radium)เมื่อปี 1903 วารสาร Nature ได้รายงานว่ากาซฮีเลียมสามารถผลิตได้จากการสลายตัวของเรเดียม หลักการนี้ค้นพบโดย William Ramsay และ Frederick Soddy ซึ่งช่วยเปิดเผยถึงโครงสร้างของอะตอม ในปี 1908 รัทเธอฟอร์ด ได้ยืนยันว่า รังสีอัลฟาที่ออกมาจากเรเดียม มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับ นิวเคลียสของอะตอมของธาตุฮีเลียม โดยมีประจุไฟฟ้าเป็นบวก ทั้งหมดได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมี โดย Ramsey ได้รับในปี 1904 จากการค้นพบกาซเฉื่อย Rutherford ได้รับในปี 1908 จากการค้นพบการสลายตัวของธาตุ Soddy ได้รับในปี 1921 ในการเป็นผู้บุกเบิก ในการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจ เกี่ยวกับคุณบัติทางเคมี ของธาตุกัมมันตรังสี เช่น เรเดียม และยูเรเนียม

16 ส.ค.

ชื่อธาตุที่ 110 (Element 110 named) เมื่อปี 2003 นักเคมีที่กรุงออตตาวาได้ลงมติในการเสนอชื่อธาตุที่ 110 ว่า Darmstadtium, และใช้สัญลักษณ์ Ds ซึ่งค้นพบที่ห้องปฏิบัติการฟิสิกส์พลังงานสูงในเยอรมันนี ในปี 1994 ซึ่งธาตุที่ 110 ถูกสร้างขึ้นโดยมีอายุไม่ถึง 1/1000 วินาทีนี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์ของศูนย์วิจัยไอออนหนัก ซึ่งมีชื่อย่อว่า GSI ในเยอรมันนีเป็นผู้ค้นพบและเสนอชื่อ เพื่อเป็นที่ระลึกให้แก่เมือง Darmstadt โดย IUPAC (International Union of Pure and Applied Chemistry) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีนักเคมีจากกว่า 80 ประเทศ จะเป็นผู้คัดเลือกชื่อธาตุที่เป็นทางการ สัญลักษณ์ และเทอมที่ใช้ทางวิทยาศาสตร์

18 ส.ค.

ฮีเลียม (Helium) เมื่อปี 1868 Pierre Janssan ได้ค้นพบขณะที่เกิดสุริยคราส ว่ามีสเปกตรัมของธาตุฮีเลียมอยู่ในแสงอาทิตย์

19 ส.ค.

พลังงานปรมาณูในเชิงพาณิชย์ (Commercial atomic energy) เมื่อปี 1960 เครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูเชิงพาณิชย์เครื่องแรก และเป็นเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู เครื่องที่ 3 ของสหรัฐอเมริกา ได้เดินเครื่องจนปฏิกิริยานิวเคลียร์ถึงระดับคงที่ และเริ่มจ่ายไฟฟ้าเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 1960 โดยเป็นของบริษัท Yankee Atomic Electric Company มีมูลค่า 57 ล้านเหรียญ ตั้งอยู่ที่เมือง Rowe รัฐแมสซาชูเซตต์ ริมฝั่งแม่น้ำ Deerfield เครื่องปฏิกรณ์แบบ pressurized light-water reactor เครื่องนี้ให้กำลังไฟฟ้า 125,000 กิโลวัตต์ โดยบริษัทที่เป็นเจ้าของ เกิดจากการรวมตัวของ 12 บริษัทใน New England โดยให้ Westinghouse Corporation เป็นผู้ดำเนินการหลัก หลังจากการเดินเครื่อง 31 ปี เครื่องปฏิกรณ์ปิดตัวลงเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 1992 และใบอนุญาตได้หมดอายุลงในปี 1993

20 ส.ค.

ระเบิดไฮโดรเจนของโซเวียต (Soviet H-bomb) เมื่อปี 1953 หนังสือพิมพ์ของสหภาพโซเวียตได้เสนอข่าวการทดลองระเบิดไฮโดรเจน

22 ส.ค.

เรือนิวเคลียร์ Nuclear ship ในปี 1962 มีการปล่อยเรือเดินสมุทรพลังงานนิวเคลียร์ลำแรกชื่อ The Savannah ที่ท่าเรือเมือง Yorktown รัฐเวอร์จิเนีย ไปยังเมือง Savannah รัฐจอร์เจีย

เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ (Nuclear reactor) เมื่อปี 1950 เครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูวิจัย Brookhaven Graphite Research Reactor (BGRR) ซึ่งเป็นเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่นำมาประยุกต์ใช้ในทางสันติเครื่องแรก เดินเครื่องถึงค่าวิกฤต โดยมีรูปแบบเดียวกับเครื่องปฏิกรณ์ฯ ที่ประสบความสำเร็จที่ห้องปฏิบัติการ Oak Ridge National Laboratory มีการออกแบบและปรับปรุงอุปกรณ์ ทำให้ BGRR สำหรับใช้ในงานวิจัยด้านการแพทย์ ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ และวิศวกรรมนิวเคลียร์ แกนเครื่องปฏิกรณ์ฯ ประกอบด้วยลูกบาศก์กราไฟต์ ขนาด 25 ฟุต จำนวน 700 ตัน มียูเรเนียมเป็นเชื้อเพลิง อยู่ภายในกำแพงเหล็กกล้า และคอนเกรีตความหนาแน่นสูง หนา 5 ฟุต มีเชื้อเพลิงทั้งหมด 1,369 แท่ง โดยมีการใช้งานครั้งละประมาณครึ่งหนึ่ง มีการควบคุมปฏิกิริยานิวเคลียร์ โดยการสอดแท่งเหล็กผสมโบรอน ลงไปในแกนเครื่องปฏิกรณ์ฯ

24 ส.ค.

ระเบิดไฮโดรเจนของฝรั่งเศส (French H-bomb) เมื่อปี 1968 ฝรั่งเศสได้จุดระเบิดไฮโดรเจน ในการทดลองที่แปซิฟิกใต้ ซึ่งนับเป็นการทดลองระเบิดเทอร์โมนิวเคลียร์ครั้งที่ 5 ของโลก มีชื่อปฏิบัติการว่า Canopus ระเบิดมีขนาด 3 ตัน ใช้บอลลูนนำไปจุดระเบิดที่ความสูง 600 เมตร เหนือ หมู่เกาะ Fangataufa Atoll ห่างจากหมู่เกาะ Moruroa ไปทางตะวันตะวันออกเฉียงใต้ 41 กิโลเมตร โครงการนี้มีนักฟิสิกส์หนุ่มชื่อ Roger Dautry เป็นหัวหน้าโครงการ นับเป็นระเบิดนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส มีแรงระเบิด 2.6 เมกกะตัน ใช้เชื้อเพลิงเป็น lithium-6 deuteride อยู่ภายในยูเรเนียม (highly enriched uranium) การปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี ทำให้มีการห้ามอยู่อาศัยบนหมู่เกาะนี้เป็นเวลา 6 ปี

27 ส.ค.

แกลเลียม (Gallium) เมื่อปี 1875 P.E. Lecoq de Boisbaudran ได้ค้นพบธาตุแกลเลียม ในบทความในวารสาร the Annales de Chimie ที่ตีพิมพ์ในปี 1877 เขากล่าวว่าได้เริ่มต้นการค้นหาธาตุนี้มาแล้ว 15 ปี แต่เนื่องจากมีปริมาณวัตถุดิบไม่เพียงพอ จนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1874 จึงได้รับแร่จำนวน 52 กิโลกรัมจากเหมือง Pierrefitte และสกัดตัวอย่างออกมาได้จำนวนเล็กน้อย (ประมาณ 1/100 มิลลกรัม) ในคืนวันที่ 27 สิงหาคม 1875 เวลา 3-4 นาฬิกา จากเครื่องวิเคราะห์แบบสเปกโตรสโคปี แสดงถึงแถบสีม่วงที่ความยาวคลื่น 417.0 แสดงถึงธาตุใหม่ ที่ไม่ตรงกับธาตุใดที่เคยทราบมาก่อน

29 ส.ค.

ธาตุที่ 109 (Element 109) เมื่อปี 1982 มีการสร้างอะตอมของธาตุใหม่ขึ้นมา และตั้งชื่อว่า Meitnerium ใช้สัญลักษณ์ Mt โดยนักฟิสิกส์จากศูนย์วิจัยไอออนหนัก (Heavy Ion Research Laboratory) ที่ Darmstadt ประเทศเยอรมันนี และพบว่าเป็นธาตุที่ 109 โดยการเร่งนิวเคลียสของ Fe-58 ให้ยิงใส่ไอโซโทป Bi-209 เป็นเวลา 1 สัปดาห์ จึงได้นิวเคลียสที่เกิดจากการรวมกันของนิวเคลียสทั้งสอง ทีมวิจัยได้แยกกันทำการทดลองซ้ำ 4 ครั้ง เพื่อยืนยันว่าเป็นธาตุที่ 109 นิวเคลียสที่เกิดขึ้น สลายตัวด้วยเวลา 5 มิลลิวินาที หลังจากที่ชนกับเครื่องวัด การทดลองนี้แสดงถึง การใช้เทคนิคการหลอมรวมนิวเคลียส เพื่อสร้างนิวเคลียสหนักของธาตุใหม่

ระเบิดปรมาณูลูกแรกของสหภาพโซเวียต (USSR's first atomic bomb) เมื่อปี 1949 สหภาพโซเวียตได้ทำการทดลองระเบิดปรมาณูลูกแรก ซึ่งเป็นระเบิดแบบพลูโตเนียม โดยทำการระเบิดที่พื้นที่ Semipalatinsk โดยมีแรงระเบิด 20 กิโลตัน สหรัฐอเมริกาเรียกว่าทดลองนี้ว่า Joe No. 1 (Joe เป็นชื่อเล่นของ Y. Stalin) การทดลองนี้ทำสำเร็จเร็วกว่าที่ฝ่ายตะวันตกคาดไว้ 5 ปี ส่วนหนึ่งเนื่องจากสายลับที่ชื่อ Klaus Fuchs ซึ่งเป็นนักฟิสิกส์ที่ Los Alamos ได้นำรายละเอียดของพิมพ์เขียว ต้นแบบระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกาที่ Trinity ไปให้แก่รัสเซีย ความสำเร็จในการทดลองของรัสเซีย ทำให้หมดยุคที่สหรัฐอเมริกาผูกขาดอาวุธปรมาณู จึงได้เร่งโครงการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ขนานใหญ่ และทำให้โลกเริ่มเข้าสู่ยุคสงครามเย็น

ดอกไม้ประจำวันแม่ >><<


มะลิเป็นไม้พุ่มขนาดปานกลาง มีพุ่มต้นสูงเต็มที่ประมาณ 5 ฟุต เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศอินเดีย รูปใบมนป้อมปลายใบแหลม มีสีเขียวเข้มแข็งหนา ขนาดใบยาว 1.5 - 3 นิ้ว ดอกเป็นสีขาว มีทั้งชนิดดอกซ้อนและดอกลา เมื่อบานเต็มที่จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ในคติของคนไทย ถือกันว่าดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์และเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมเย็นระรื่นใจจึงยกย่องให้ดอกมะลิเป็นสัญลักษณ์ เป็นดอกไม้วันแม่แห่งชาติ ซึ่งทางราชการให้ถือว่าวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คือ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ เริ่มในปี พ.ศ.2519 เป็นต้นมา
จากหนังสือกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ชื่อแม่หลวงของปวงชน พิมพ์เผยแพร่เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2520 มีข้อความตอนหนึ่งเทิดพระเกียรติไว้ว่า
"แม่ที่ดีย่อมรู้จักส่งเสริมธำรงรักษาศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ เพราะแม่ทราบดีว่าถ้าขาดสิ่งเหล่านี้แล้ว ความเป็นไทยที่แท้จริงจะมิปรากฎอยู่บนผืนแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเรา แม่ที่ดีย่อมประพฤติปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามระบอบของการปกครองแบบประชาธิปไตย ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข โดยรักเคารพและเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์เหนือสิ่งอื่นใด
หญิงไทยทุกคน ย่อมจะมีคุณลักษณะต่าง ๆ ของแม่ที่ดีดังกล่าวข้างต้นนี้อยู่แล้วจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการศึกษาและการฝึกหัดอบรม แต่จะหาหญิงใดที่มีคุณลักษณะครบถ้วนทุกประการเสมอเหมือนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถนั้นไม่ง่ายนัก ด้วยเหตุนี้เราจึงขอเทิดทูนพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ ว่าทรงเป็นแม่หลวงของปวงชน ผู้ทรงเป็นศรีสง่าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของบ้านเมือง และของประชาชนชาวไทยทั้งมวล"
ข้อความดังกล่าวนี้เป็นเรื่องของวันแม่แห่งชาติตามเหตุผลของทางราชการ และกำหนดให้ถือว่า ดอกมะลิสีขาวบริสุทธิ์เป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงามของแม่ผู้ให้กำเนิดแก่ตัวเรา อย่างคำประพันธ์บทดอกสร้อยชื่อ แม่จ๋า ของ ท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา ที่ว่า
ดอกเอ๋ยดอกมะลิ
สดสะอาดปราศสีราคีระคน
กลิ่นมะลิหอมกระไรไม่รู้สร่าง
อันรักแท้แลหัวใจได้บรรยาย
ถึงยามผลิกลิ่นพราวสกาวต้น
เหมือนกมลใสสดหมดระคาย
เปรียบได้อย่างรักแท้ไม่แปรหาย
ขอเชิญทาย ณ ที่ไหนจากใครเอย