วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ศิลปะเรอเนซองส์

เรื่องราวของยุคเรอเนซองส์ (Renaissance) เป็นยุคที่คนถามถึงกันมากที่สุด และคงเป็นยุคที่คนรู้จักกันมากที่สุดถ้าหากคิดกันระหว่าศตวรรตที่1-18 หลังจากศตวรรตที่19 จึงเป็นยุครุ่งเรืองของศิลปะสมัยใหม่อย่างเช่น ลัทธิอิมเพรสชันนิสม์ ซึ่งก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องราวของยุดเรอเนซองส์ (Renaissance)ที่ให้กำเนิดศิลปินดังๆ อย่าง ดอนนาเทลโล (Donnatello, 1386-1466) , ฟรา แองเจลิโก(Fra Angelico ,1395-1455) เลโอนาร์โด ดาวินชี (Leonado Da vinci ,1452-1519) คนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก มีเกลันเจโล(Michelangelo ,1475-1564)ผู้สร้างสรรค์งานThe Last Judgement(Last Judgment) และราฟาเอล(Raphael ,1483-1520)

ยุคเรอเนซองส์ (Renaissance) เป็นเหมือนนกฟินิกซ์ที่กำเนิดจากเถ้าถ่านของกริซและโรมันมาศัยกรรมกันใหม่ ซึ่งเรอเนซองส์ (Renaissance)แปลตามตัวก็จะแปลได้ความได้ว่า เป็นการฟื้นฟู หรือการเกิดใหม่ของศิลปะเดิม บางท่านเรียกว่าเป็นการเริ่มต้นของศิลปะสมัยใหม่ หลังจากที่ผ่านพ้นยุคกลาง หรือยุคมืดทางศิลปะมาได้(ยุคกลางนี้ตรงกับสมัยสงคามครูเสด)
ทำไมยุคเรอเนซองส์ (Renaissance) ศิลปะถึงได้รุ่งเรือง คำตอบก็คงอยู่ตรงที่ในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา วัดหรือโบสถ์ยังคงเป็นผู้อุปถัมภ์ที่สำคัญของเหล่าศิลปินนอกจากนี้ยังมีพวกขุนนาง พ่อค้าผู้ร่ำรวย ซึ่งเป็นชนชั้นสูงก็ได้ว่าจ้าง และอุปถัมภ์เหล่าศิลปินต่าง ๆ ด้วย ตระกูลที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น ได้แก่ ตระกูลวิสคอนตี และสฟอร์ซา ในนครมิลาน ตระกูลกอนซากาในเมืองมานตูอา และตระกูลเมดีชีในนครฟลอเรนซ์ การอุปถัมภ์ศิลปินนี้มีผลในการกระตุ้นให้ศิลปินใฝ่หาชื่อเสียง และความสำเร็จมาสู่ชีวิตมากขึ้น ผลงานของศิลปินที่มีทั้ง จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม ทำให้ชื่อเสียงของศิลปินหลายคน เป็นที่รู้จักทั่วโลกตลอดกาล และ สถานภาพทางสังคมของศิลปินเป็นที่ยอมรับกันอย่างสูงในวงสังคม เกิดสำนักทางศิลปะเพื่อฝึกฝนช่างฝีมือ และเกิดมีศิลปินระดับอัฉริยะขึ้นมาอย่างมากมาย

รูปปั้นเดวิด

ศิลปะในยุคนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการแสดงออกทางด้านความเชื่อทางศาสนา จึงไม่น่าแปลกว่า ดาวินซีจึงไม่เป็นที่ปลื้มของเหล่าศาสนจักรมากนักในยุคสมัยนี้ สุดท้ายบั้นปลายชีวิตต้องหอบเอาโมนาลิซาขึ้นๆลงๆ ไปจนบั้นปลายของชีวิต แต่กระนั้น ดาวินซีก็ยังเป็นที่จดจำของคนทั้งโลกผ่าน โมนาลิซา และ The Last Supper ได้อยู่ดี แต่ตรงข้ามกลับมีเกลันเจโลที่โป๊บยืนยันที่จะยอมลดอายุของตนเองเพื่อให้ มีเกลันเจโลมีอายุยืนยาวต่อไป(แม้เค้าจะเสียชีวิตเมื่ออายุได้90ปีก็ตาม)ยุคเรอเนซองส์ (Renaissance)เป็นยุดแห่งการใช้ศิลปะวิทยาการใหม่ๆมาใช้อย่างจิงจัง อย่างเช่นวิชาเปอร์สเปคตีฟ(Perspective)ผู้นำวิชานี้มาใช้เป็นคนแรกคือ เพาโล ยูเซลโล(Paole Ucello ,1397-1575) เป็นผลให้หลังจากศตวรรตที่15 ศิลปินทุกคนจึงจำเป็นต้องเรียนวิชาเปอร์สเปคตีฟ(Perspective)ไปโดยบรรยาย วิชาเปอร์สเปคตีฟ(Perspective)เป็นวิชาที่สร้างความตื้นลึกด้วยเส้น แสดงถึงความสัมพันธ์ของขนาดวัตถุซึ่งอยู่ตำแหน่งต่างๆของพื้นภาพตามจุดที่เห็น
สถาปัตยกรรมในยุคเรอเนซองส์ (Renaissance) ที่รู้จักกันมากได้แก่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ( Basilica of Saint Peter, 1506) จุดศูนย์กลางของนิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งภายในบรรจุไปด้วยผลงานของMichelangelo โดนาโต ดันเจโล บรามันเต (Donato Bramante ,1444-1514)และยังมีฐานแท่นบูชาที่ออกแบบโดยจานลอเรนโซ เบร์นินี (Giovanni Lorenzo Bernini ,1598-1680) ศิลปินสถาปัตยกรรมบาโรก สถาปัตยกรรมเรอเนซองส์จะเน้นความมีความสมมาตร (symmetry) ความได้สัดส่วน (proportion) การใช้รูปทรงเรขาคณิต (geometry) และลักษณะที่ปรากฏในสถาปัตยกรรมคลาสสิค เช่นสถาปัตยกรรมสมัย โรมัน การวางโครงสร้างจะเป็นไปอย่างมีแบบแผนไม่ว่าจะเป็นเสา หรือ คานรับเสา และการใช้ซุ้มโค้งครึ่งวงกลม การใช้โดม มุข (niche) หรือ aedicule ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้เข้ามาแทนที่จะเป็นแบบตรงกันข้ามกับรูปทรงที่ซับซ้อนและไม่เป็นระเบียบ (irregular profile) ที่เป็นที่นิยมของสิ่งก่อสร้างแบบกอธิค



St.Peter

ยุคเรอเนซองส์ (Renaissance) ไม่ใช่เฉพาะศิลปะเท่านั้นมีความความเจริญรุ่งเรืองแต่ยังเป็นที่บ่มเพาะให้วิทยาศาสตร์เป็นศาตร์ที่สร้างความเจริญให้โลกในยุคปัจจุบันอีกด้วย เป็นปีที่เซอร์ไอแซก นิวตัน(Sir Isaac Newton ,1643- 1727) พบกฏแรงโน้มถ่วงจากการตกของผลแอปเปิ้ล และกาลิเลโอ ก็มีชีวิตอยู่ในสมัยนี้ด้วยเช่นกัน

ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าศิลปกรรมสมัยฟื้นฟู (Renaissance) เป็นการนำเอาศิลปกรรม สมัยกรีซ โรมัน และโรมันเนสค์ มาฟื้นฟูใหม่ มีลักษณะของศิลปะที่เด่นชัด เป็นการนำศิลปะกรรมทุกแขนงทางด้านทัศนศิลป์มาฟื้นฟูให้มีลักษณะของตนเองและมีความเด่นชัดมากที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น